อัปเกรดอาคารเป็น Smart Commercial Building สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอาคารพาณิชย์

การก่อสร้างอาคารที่เพิ่มขึ้นตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมานํามาซึ่งปัญหามลพิษและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จากข้อมูลของ The Buildings-GSR พบว่าอาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่มีความต้องการใช้พลังงานสูง โดยมีค่าเฉลี่ยการใช้พลังงานไฟฟ้าคิดเป็น 34% และยังปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่บรรยากาศสูงถึง 37% ทำให้ทั่วโลกคำนึงถึงการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) นำสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero Mission)

อีกทั้งงานวิจัยของ CBRE ยังคาดการณ์ว่า ในปี 2566 พื้นที่สำนักงานใหม่จะเพิ่มขึ้นถึง 450,000 ตร.ม. แต่อัตราค่าเช่าเฉลี่ยจะลดลง โดยเฉพาะอาคารที่ไม่ได้รับการปรับปรุง และอาคารที่ระบบขนส่งมวลชนเข้าถึงยากหรือมีสิ่งอำนวยความสะดวกจำกัด เนื่องจากผู้เช่าต้องการพื้นที่ที่มีความยืดหยุ่นและบริการที่ครบวงจร

ดังนั้น ธุรกิจหลายแห่งจึงให้ความสำคัญกับอาคารสำนักงานที่ได้รับมาตรฐานตามระดับสากล เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีแนวโน้มจะย้ายไปยังอาคารที่มีคุณภาพสูงและมีสภาพแวดล้อมที่ดี Smart Building หรืออาคารอัจฉริยะจึงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ในปัจจุบัน

Smart Building คืออะไร
Smart Building หรืออาคารอัจฉริยะ คืออาคารที่มีการนำเทคโนโลยีมาออกแบบให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อลดการใช้พลังงานและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึงอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้งานอาคารจึงถือเป็นกุญแจสำคัญในการบรรลุเป้าหมายของความยั่งยืน

ประโยชน์ของ Smart Building
การปรับเปลี่ยนสู่ Smart Building นอกจากจะทำให้ทันยุคทันสมัยและเป็นที่หมายตาของออฟฟิศต่างๆแล้ว ยังสามารถนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับอาคารพาณิชย์และธุรกิจได้ดังนี้

เพิ่มประสิทธิภาพของอาคาร
องค์ประกอบสำคัญในการพัฒนาสู่การเป็น Smart Building คือ เครือข่าย IoT อาคารเหล่านี้จำเป็นต้องมีอุปกรณ์ที่เชื่อมโยงกันด้วยระบบ IoT เพื่อรับส่งข้อมูลแบบเรียลไทม์ ซึ่งจะคอยบริหารการใช้ไฟฟ้า และตรวจจับสภาพแวดล้อมภายในอาคาร ไม่ว่าจะเป็นความเคลื่อนไหว อุณหภูมิ แสงไฟ รวมถึงคุณภาพอากาศ

ตัวอย่างเช่น ระบบบริหารจัดการพลังงาน (Energy Management System: EMS) สามารถตรวจสอบข้อมูลการใช้พลังงานในช่วงเวลาต่างๆ แบบเรียลไทม์ จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของระบบผลิตไฟฟ้า

ลดต้นทุนการใช้พลังงานในอาคาร
โดยทั่วไป Smart Building จะมีระบบบริหารจัดการอาคารอัตโนมัติ (Building Automation Systems: BAS) ซึ่งเป็นระบบที่ตรวจสอบควบคุมการทำงานต่าง ๆ ภายในอาคาร เช่น ความสว่าง อุณหภูมิ สภาพอากาศ เพื่อปรับการทำงานของระบบให้มีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ Big Data ยังสามารถวิเคราะห์การใช้พลังงาน ระบุช่วงเวลาที่ใช้สูงสุด รวมถึงวิเคราะห์สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในแต่ละพื้นที่ ทำให้ผู้ใช้งานสามารถคาดการณ์การใช้พลังงานหรือปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมได้ และยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพด้วยการเลือกใช้พลังงานทดแทน เช่น การติดตั้งโซลาร์เซลล์เพื่อผลิตพลังงานสะอาด ช่วยประหยัดพลังงานและลดค่าใช้จ่ายขององค์กร

สร้างประสบการณ์ที่ดีแก่ผู้ใช้อาคาร
ภายใน Smart Building มีระบบต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้งาน โดยตั้งอยู่บนหลัก Personalization ซึ่งสามารถปรับสภาพแวดล้อมให้เข้ากับความต้องการของแต่ละบุคคลได้ เช่น การควบคุมความสว่างหรืออุณหภูมิด้วยระบบอัตโนมัติ การควบคุมผ่านโทรศัพท์มือถือ โดยสามารถปรับการตั้งค่าและเข้าถึงบริการอื่น ๆ ของอาคารได้ พร้อมด้วยระบบรักษาความปลอดภัย เช่น กล้องวงจรปิด (CCTV) ระบบ AI จดจำใบหน้า ระบบแจ้งเหตุฉุกเฉิน เป็นต้น เพื่อให้ผู้ใช้งานมีคุณภาพชีวิตที่ดี

สภาพแวดล้อมที่เป็นมิตร
แนวคิด Smart Building มีเป้าหมายเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม ดังนั้น ระบบการควบคุมระบบปรับอากาศภายในอัจฉริยะ หรือ Smart HVAC (Heating Ventilation and Air Conditioning) ภายในอาคารจะควบคุมดูแลสภาพอากาศให้เหมาะสม สามารถบำบัดอากาศให้สะอาด ซึ่งนอกจากจะช่วยลดต้นทุนพลังงาน ยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อีกด้วย อีกทั้งระบบ IoT และเซ็นเซอร์ภายในอาคารยังสามารถใช้ตรวจจับการรั่วไหลของน้ำ หรือบริหารจัดการขยะเพื่อนำขยะไปดำเนินการอย่างเหมาะสมได้

สิ่งเหล่านี้เป็นมูลค่าที่ Smart Building มอบให้กับภาคธุรกิจและสังคม ตอบโจทย์ทั้งเรื่องสิ่งแวดล้อมและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนสังคมคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ให้เกิดขึ้นไปด้วยกัน

///

บริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด ให้บริการโซลูชันพลังงานสะอาดชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก มุ่งมั่นสนับสนุนสังคมไร้คาร์บอนในอนาคต ประกอบด้วย 5 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ธุรกิจแบตเตอรี่ ธุรกิจซื้อขายไฟฟ้า ธุรกิจอี-โมบิลิตี้ และธุรกิจพัฒนาเมืองอัจฉริยะและจัดการพลังงาน ทำให้มีศักยภาพในการนำเสนอ ‘โซลูชันพลังงานสะอาดแบบครบวงจร’ (Total Smart Energy Solutions) พร้อมเป็นพันธมิตรระยะยาวที่นำเทคโนโลยีและดิจิทัลแพลตฟอร์ม ผนวกกับความรู้ความเชี่ยวชาญด้านพลังงาน มาออกแบบและพัฒนาโซลูชันที่เหมาะสมกับทุกความต้องการสำหรับทุกธุรกิจ เพื่อช่วยให้ทุกองค์กรใช้พลังงานสะอาดได้อย่างไร้ขีดจำกัด ก้าวเป็น Smart Business และบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน ควบคู่ไปกับการส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับผู้ใช้บริการและคนในสังคม

///

อ้างอิง: