ความมั่นคงทางธุรกิจเริ่มต้นที่พลังงาน ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและวิกฤตพลังงานที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ธุรกิจจำเป็นต้องหาวิธีลดต้นทุนการดำเนินงานอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะต้นทุนด้านพลังงานที่มีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี การปรับตัวสู่โครงสร้างพื้นฐานพลังงานสะอาดจึงไม่ใช่เพียงทางเลือกเพื่อความยั่งยืน แต่เป็นรากฐานสำคัญของความมั่นคงทางธุรกิจในระยะยาว
ทำไมโครงสร้างพื้นฐานพลังงานถึงสำคัญ?
ในปัจจุบันที่สถานการณ์ราคาพลังงานผันผวนและต้นทุนการดำเนินธุรกิจสูงขึ้น โครงสร้างพื้นฐานพลังงานสะอาดกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่จะกำหนดอนาคตและความอยู่รอดของธุรกิจ โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจที่ทุกต้นทุนมีความสำคัญ
1.การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานพลังงานสะอาดให้ความมั่นคงในระยะยาว
ระบบโซลาร์เซลล์ โรงไฟฟ้าพลังงานลม หรือระบบกักเก็บพลังงาน ช่วยให้ธุรกิจสามารถควบคุมต้นทุนพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาเชื้อเพลิงฟอสซิล และสร้างความมั่นคงด้านพลังงานในระยะยาว ตามรายงานของ World Economic Forum ระบุว่า “โครงสร้างพื้นฐานเป็นรากฐานที่ระบบนิเวศพลังงานสะอาดทั้งหมดจะถูกสร้างขึ้น ทั้งระบบโครงข่ายไฟฟ้า สายส่ง สถานีชาร์จ แบตเตอรี และอื่นๆ อีกมากมาย”
2.โครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งเป็นปัจจัยสำคัญในการบรรลุเป้าหมาย Net Zero
โดยเฉพาะในประเทศไทยที่ตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2065 การมีโครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสมต้องการความร่วมมือระหว่างรัฐและเอกชนเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานพลังงานสะอาดที่เหมาะสมกับแต่ละอุตสาหกรรม ตามที่ International Energy Agency ประมาณการณ์ไว้ว่า มีการลงทุน 1.7 ล้านล้านดอลลาร์ในความพยายามด้านพลังงานสะอาดในปี 2023 ซึ่งเกินการลงทุนในเชื้อเพลิงฟอสซิลในช่วงเดียวกันมากกว่า 50% แต่การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานยังไม่เพียงพอ
3.สร้าง Energy Efficiency และประหยัดพลังงานไฟฟ้าระยะยา
โครงสร้างพื้นฐานพลังงานสะอาดที่ทันสมัยช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและประหยัดค่าไฟฟ้าในระยะยาว ซึ่งเป็นประโยชน์โดยตรงต่อการลดต้นทุนธุรกิจ ระบบโซลาร์เซลล์ที่มีประสิทธิภาพสามารถลดค่าไฟฟ้าได้อย่างมีนัยสำคัญสำหรับองค์กรที่มีค่าไฟฟ้าสูง
4.งานวิจัยสนับสนุนว่าบริษัทที่ลงทุนด้าน ESG มีผลประกอบการดีกว่า
อ้างอิงงานวิจัย MSCI Research (มี.ค. 2024) และ Kroll ที่พบว่า บริษัทที่มีคะแนน ESG สูงสุด “Outperformed” หรือมีประสิทธิภาพสูงกว่าบริษัทที่มีคะแนน ESG ต่ำอย่างต่อเนื่อง โดยสาเหตุหลักมาจาก “โครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแรงกว่า” เช่น รายได้และกำไร ซึ่งการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานพลังงานสะอาดเป็นส่วนสำคัญของ ESG performance นอกจากนี้ McKinsey & Company ยังพบว่าทีมผู้บริหารที่ไล่ตามการเติบโตโดยไม่พิจารณาความยั่งยืน ไม่เพียงแต่เพิ่มความเสี่ยงด้านชื่อเสียง แต่ยังมีแนวโน้มที่จะไม่นำไปสู่ศักยภาพการเติบโตเต็มรูปแบบอีกด้วย
บ้านปู เน็กซ์ บริการโครงสร้างพื้นฐานพลังงานสะอาดระดับภูมิภาคในเอเซียแปซิฟิค
บ้านปู เน็กซ์ เป็นผู้ให้บริการ Net Zero Solutions ชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก มุ่งมั่นขยายธุรกิจด้านพลังงานหมุนเวียนผ่านการลงทุน ทั้ง Greenfield และ Brownfield รวมถึงการเข้าซื้อกิจการในระดับสาธารณูปโภค (Utility-scale) โดยมีบริการหลัก 3 ด้าน
- พลังงานหมุนเวียน – ดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar power plant) และพลังงานลม (Wind power plant) ครอบคลุมหลายประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เวียดนาม ออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกา
- ระบบกักเก็บพลังงาน – ลงทุนในระบบแบตเตอรีขนาดใหญ่ เช่น ฟาร์มแบตเตอรีในญี่ปุ่น เพื่อเพิ่มเสถียรภาพของพลังงานหมุนเวียน พร้อมเชื่อมต่อเข้าสู่ระบบโครงข่ายไฟฟ้า และสนับสนุนการซื้อขายพลังงาน
- การซื้อขายพลังงาน – ซื้อขายไฟฟ้าให้กลุ่มลูกค้า และสร้างรายได้จากส่วนต่างของราคาตลาดในญี่ปุ่น พร้อมมองหาโอกาสขยายสู่ตลาดไฟฟ้าเสรีและภูมิภาคที่มีศักยภาพ
มารู้จักบ้านปู เน็กซ์ ให้มากขึ้น
เริ่มต้นเส้นทางสู่ Net Zero กับบ้านปู เน็กซ์ วันนี้ ให้ธุรกิจของคุณก้าวสู่ความยั่งยืน พร้อมลดต้นทุนด้านพลังงานในระยะยาว
#บ้านปูเน็กซ์ #พิชิตNetZero #พลังงานสะอาดเพื่อธุรกิจ #BanpuNEXT #NetZeroSolutions